ส่งท้ายปี๋เก่า ต้อนฮับปี๋ใหม่....
...ผ่านมาหลายคืนวัน ที่ไม่ได้มาเขียนมาเล่าเรื่องราวของตัวเองในบล็อก เพราะมัวแต่ชุลมุนกับการเปิดเรียนหลังจากที่หยุดพักช่วงปีใหม่เกือบอาทิตย์ ชีวิตฉันก็ไม่ได้มีอะไรมาปรุงแต่งมากมาย เพียงแค่ตัวเลขของวันเดือนปีมันเปลี่ยนไป ฤดูหนาวที่อากาศหนาว ก็เริ่มคลายลงบ้างแล้ว เป็นสัญญาณเตือนว่า อีกหน่อยก็ร้อนและแล้งตามเคย
...เชียงรายก็ไม่ได้ต่างจากจังหวัดอื่นๆทางภาคอีสานในหน้าแล้งเท่าไหร่ แต่กลับร้อนและร้อนกว่ายิ่งซ้ำไป จำได้ว่าเมษาปีที่แล้ว อากาศร้อนมากๆ แดดจ้าเชียว แต่ก็ยังเริงร่ากับเทศกาลสงกรานต์อยู่ดี เพราะสงกรานต์ทั้งทีก็ต้องมีกิจกรรมสนุกสนานกันบ้าง รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ทำบุญ สาดน้ำกัน ตามประเพณีนิยม แต่ตอนนี้หนาวไปหมด คิดถึงเรื่องสาดน้ำขนลุกเชียว
...วกกลับมาถึงเรื่องปีใหม่ ปีนี้เป็นปีขาล(เสือ) ไม่รู้ว่าดวงชะตาบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เพราะแค่ดวงชะตาตัวเองก็แทบจะดูไม่ค่อยจะดีนัก ปีนี้ฉันคงจะเรียนหนักเพิ่มเข้าไปอีก แต่ดีที่กำลังค่อยๆปรับตัว ก่อนช่วงหยุดปีใหม่ ก็มีสอบมิดเทอม ที่ไม่ค่อยสร้างความตึงเครียดแต่อย่างใด แต่สร้างความลำบากใจไม่น้อย เมื่อเห็นตัวข้อสอบแล้ว นึกถึงตัวเองยังตลกไม่หาย เหงื่อไหลพรากเชียว เพราะอ่านไม่รัดกุมพอเจอข้อสอบถึงกับถอนหายใจ ว่าฉันต้องไม่รอดแน่
แต่พอสอบเสร็จ ก็รู้สึกโล่งทันที ในใจที่โลภมาก ก็ยังภาวนา ให้สอบผ่าน เพื่อจะได้ไม่ต้องหลุดไปเหมือนใครอื่นเขา แต่ผลที่ออกมาก็น่าพอใจในระดับหนึ่ง คะแนนสอบผ่านทุกวิชา มีท็อปคะแนนหนึ่งวิชา ท็อปสูงสุดในsection(ตอนเรียน) ก็น่าแปลก แต่ฉันไม่ใช่คะแนนสูงสุดทั้งหมด เป็นของรุ่นพี่ปีสามคณะวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์ อาจารย์มีรางวัลมอบให้ด้วย เป็นตุ๊กตาเซรามิกใส่ปากกา น่ารักมาก อาจารย์ที่สอนคืออ.สุรวิทย์ หรือ อ.ต้นกล้า อาจารย์บอกว่าเด็กนิติส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะชอบภาษาอังกฤษเท่าไหร่นัก คะแนนเลยไม่มาก แต่ฉันไม่ชอบยิ่งกว่านั้นเสียอีกเรียกได้ว่าภาษาเป็นคู่ขนานในชีวิตที่ฉันไม่ชอบเลย ฉันแค่พยายาม พูดได้แค่ว่า พยายาม ให้มันผ่านไป.
...ช่วงหยุดปีใหม่ พ่อก็หยุดทำงานพอดี งานของพ่อไม่ใช่งานราชการ ไม่มีเงินเดือนเหมือนคนอื่น จะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าหยุด จะมีใครเล่าที่หาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเรา พ่อจะพูดบอกเสมอว่า "อีกไม่นาน พ่อก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าพ่อหยุด แล้วลูกๆจะเอาอะไรกิน" เป็นถ้อยคำที่ฉันฟังแล้วทุกทีเกือบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ฉันบอกกับพ่อว่า "พ่อไม่ต้องหักโหม พ่อจงพักผ่อนเมื่อต้องการ ไม่ต้องกลัวแบบนั้น ลูกไม่ทิ้งแม่กับน้องหรอก ยังไงๆพ่อก็ต้องรักษาสุขภาพอยู่ให้ลูกได้ตอบแทนคุณ ลูกจะมีกำลังใจอย่างไรเมื่อพ่อพูดแบบนี้" และพ่อก็สวนตอบกลับมาว่า "ชีวิตคนเราไม่แน่นอน มีเกิดมีดับ" ฉันก็ต้องรับว่า "สาธุ"
เฮ้อ..พูดไปแล้วมันหดหู่ยังไงชอบกล แต่ฉันก็เป็นฉันที่ยังสู้อยู่
....ท้ายปี พี่สาว (ลูกพี่ลูกน้อง)ฝาแฝดสองคน ที่จากบ้านไปเรียนและทำงานที่กรุงเทพฯก็กลับมา มันเป็นเวลาสั้นๆแต่มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น ระหว่างสิ้นปีก็ไม่ได้ไปจังหวัดไหน พ่อก็พาเที่ยวเชียงราย เริ่มต้นที่ง่ายๆคือ แม่สายนี่เอง พี่สาวก็จะได้ไปด้วย ไปแม่สายทั้งที ก็ต้องข้ามไปเยี่ยมเยือนเพื่อนบ้านต่างชายแดน เยี่ยมยังไม่พอ ยังไปช่วยอุดหนุนด้วย เรียกได้ว่า วันนั้นพากันไปช่วยเศรษฐกิจเพื่อนบ้านก็ว่าได้ เพื่อนบ้านที่ว่าก็ไม่ใช่ประเทศใดอื่นไกล ก็ประเทศพม่าคู่ขาที่เราคุ้นเคยตั้งแต่ครั้งยังสมัยกรุงศรีอยุธยา หากคิดถึงแต่เรื่องวีรกรรมเก่าๆ เราจะมีความสุขกับการแลกเปลี่ยนซื้อขายทางการค้าได้อย่างไร เพราะฉะนั้นมันเป็นอีกประเด็น ตอนนี้ถ้าใครจะข้ามไปเที่ยวช้อปปิ้งที่ฝั่งพม่า ก็ต้องไปทำบัตรผ่านแดนก่อน แต่ก่อนจะมีสถานที่เฉพาะทำบัตรผ่านแดน แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ต้องไปทำที่ว่าการอำเภอแม่สาย ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนกรณีคนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ต่ำกว่านั้นก็เป็นผู้ติดตามไป เสียตังค์ค่าทำบัตรผ่านแดนคนละ 40 บาท แต่ก่อนรู้สึกว่าจะเป็น 30 บาท แต่เอ..ทำไม? อาจจะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ก็ว่าได้ หรือเปลี่ยนราคาจริงๆอันนี้ก็ไม่ได้ศึกษา
...พอข้ามไป ก็จะมีคนพม่าที่อาสาขับรถพาเราไปชมเมืองของเขาด้านใน พากันมาเสนอแนะกันยกใหญ่ คนเยอะเชียว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ความจริงฉันอยากไปเที่ยวในนั้นมาก ไม่รู้จะเป็นยังไง แต่จุดประสงค์คือช้อปปิ้ง และเวลาก้มีจำกัด ไม่ได้มีแพลนว่าจะพักที่ใด ไปถึงที่นั่นก็จะมี สินค้ามากมาย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าปลอม ละเมิดลิขสิทธิ์ พวกซีดี เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และที่อึ้งไปกว่านั้นโทรศัพท์มือถือ ช่างเกลื่อนกลาดเชียว สินค้าถูกทำการคัดลอกแบบมาอย่างดี แต่คุณภาพอันนี้ไม่รับประกัน เพราะไม่เคยซื้อมาใช้ จะมีก็แต่พวกผ้าห่ม สร้อย แหวน กำไลเงิน ที่ดูสวยงาม ตามภาษาผู้หญิง แต่ฉันไม่ยึดติดวัตถุนิยม ฉันเป็นคนเรียบง่าย แต่ก็ไม่ชอบของก๊อปปี้ที่ยี่ห้อดังๆแบรนด์ดังๆ สู้อย่างอื่นไม่ได้ ฉันไปติดใจพวกที่เร่ขายบุหรี่มากกว่า ว่าเมืองเขาเป็นแบบนั้น เชียว ถึงขนาดป่าวร้องโฆษณาขายบุหรี่ กลิ่นควันบุหรี่คละคลุ้งไปทั้ว เรียกได้ว่าเห็นแล้วต้องหลบหนีทันที
...พอเที่ยวทางฝั่งโน้นเสร็จ เข้ามาชายแดนไทยเรา ก็ไม่ได้พากันเที่ยวซื้อต่อ แต่ก็แวะชมดูเฉยๆ จากนั้นพ่อก็พาเราไปเที่ยวต่อที่สามเหลี่ยมทองคำ แวะชมวิวทิวทัศน์ และทานข้าวที่นั่น พอชมวิวเสร็จ ก็ไปเที่ยวต่อที่ วัดพระธาตุผาเงา เป็นวัดเลื่องชื่อหนึ่งของเชียงราย เชื่อกันว่า หลวงพ่อผาเงาศักดิ์สิทธิ์มาก ใครไหว้ขออะไร ก็จะได้ดังความปรารถนา และใครลบหลู่ท่าน ก็อาจจะพบปาฏิหารย์อะไรสักอย่างบ้าง ตามคำกล่าวขาน แต่พอไปถึงก็น่าแปลกจริงๆที่นั่นกลับทำให้ฉันขนลุกพองเชียว อาจจะศักดิ์สิทธิ์จริงก็ว่าได้ พากันไปสักการะเจ้าแม่กวนอิม สักการะหลวงพ่อผาเงา และรู้สึกว่าตอนนั้นที่ไปเป็นเทศกาลแห่งการทำบุญด้วย อาจจะมีโครงการสร้างหรือบูรณะอะไรสักอย่าง ฉันก็ไม่ได้ติดตาม เพราะมัวแต่เป็นช่างภาพ คอยถ่ายรูปให้พี่สาว
....ถึงเวลากลับบ้านก็พากันอ่อนเพลียเมื่อยล้า กับการเที่ยว แพลนต่อถัดไปจะมาเล่าอีกที เพราะตอนนี้ผู้เล่าก็เริมง่วงเต็มทน พรุ่งนี้วันเสาร์ แต่เราก็ยังเรียนอยู่ นิติศาสตร์บัณทิต วนอยู่ในหัวให้ต้องไขว่คว้า ดังนั้น คงต้องลากันก่อน ราตรีสวัสดิ์นะคะท่านผู้กรุณาที่อุตส่าห์มาอ่านข้อความที่อาจจะดูไร้สาระไปหน่อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น