27 ธันวาคม 2552

บทความ ปิ๊กบ้านเฮาบ้านโละป่าห้า "ม่วนใจ๋วันขึ้นปี๋ใหม่"


หนาว....เหงา....ขนาดเลย

ปิ๊ก ในที่นี้ หมายถึง กลับ

ขับรถเครื่อง (จักรยานยนต์)คันคู่หู เล็ดลอดผ่านประตูกับหมวกนิรภัยยังชีพ ไม่กันอันตราย แต่กันยามไม่ให้ออก ฉันมีสอบเสร็จวันพุธที่ 23 สอบติดต่อกันสามวัน เพราะวิชาหนักๆสำคัญๆไปสอบปลายภาคทีเดียว(กฎหมาย) สอบเสร็จแต่ไม่ยักได้กลับบ้าน เพราะไม่มีหมวกกันน็อค ด้วยความนิสัยขี้หลงขี้ลืม (ขนาดบ่ใจ้คนเฒ่าหนา) จำได้แต่กฎหมาย อย่างอื่นไม่จำ ต้องรอให้แม่เอามาให้ ตอนนั้นกลับมาบ้าน ดันลืมเอาไป เลยบอกให้เหวินเพื่อนรักเอาไปให้ถึงหน้ามอเชียว เกรงใจมากๆ แต่เพื่อนคนนี้นิสัยดีมาก ทั้งที่ไม่ใช่รูมเมทหรอกนะ โทรปลุกเหวินตั้งแต่เช้า รอได้เสมอเพื่อนคนนี้ เพราะมีเพื่อนคนเดียว (หรือปล่าว?) ฉันได้กลับบ้านมาวันศุกร์ที่ผ่านมา รู้สึกโล่งจัง ใกล้เทศกาลปีใหม่ ช่วงฤดูหนาวเจียงฮายนี้ มักมีงานประจำฤดูหนาวมากมาย ล่าสุดก็ที่กำลังจัดคือเทศกาลดอกไม้งาม กะว่าจะไปแอ่วเหมือนกัน ต้องรอพ่อมาก่อน คงโน่นแหละสิ้นเดือน พอปีใหม่ช่วงมกรา กุมภา ก็มีงานกาชาด งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช 26 ม.ค.-4 ก.พ. 53 แต่ไม่แน่ใจจะได้แอ่วหรือป่าว ต้องชวนเพื่อนไป กลัวเพื่อนมีคิวไปกันแล้ว ก็ไม่มีอะไร ชอบแอ่วเมื่อวัน บ่ชอบแอ่วเมื่อคืน อันตราย ...

...ปิ๊กบ้านแล้ว ฮู้สึกหายง่อมขึ้นหน่อย เพราะอยู่บ้านดีกว่าอยู่หอ รูมเมทบ่ชอบอยู่ห้องกั๋น ไปไหนบ่ฮู้ นอนคนเดวเกือบทุกคืน
เกิดมาเป๋นคนเจียงฮายดีอย่าง จะปิ๊กบ้านตืงเตื้อ(จะกลับครั้งนึง)ก็ฉายเดี่ยวเลย ขับเวฟชมพูว่อนไปมาผ่านปากทางบ้านเด่น ผ่านโฮงเฮียนเก่า(เม็งรายฯ)กึ้ดเติงหาขนาด จะโค้งไปดีก่อหา ยังไม่แน่ใจ รอให้จบปีหนึ่ง ค่อยไปดีกว่า อาจารย์ท่านคงไม่ว่าเรา พอกลับมาบ้านก็ถึงกับฟุบลงบนโต๊ะแคร่(โต๊ะนอนไม้สัก) แต่ใจเต็มไปด้วยความอิ่มอุ่น กลับบ้านทั้งทีก็กินอาหารเมืองๆ ตอนอยู่ที่หอ คิดถึงอาหารเมืองขนาด แต่ ที่มอก็มีขายบ้างส่วนใหญ่ก็อาหารไทยๆเพราะว่านศ.มาจากต่างจังหวัดก็เยอะพอสมควร แต่ ฝีมือเทียบเรากับแม่ไม่ได้เลย (ชมตัวเองมากๆ) กว่าจะกลับหอก็วันที่ 3 ม.ค.เพราะต้องรีบกลับไปทำการจองหอในไว้ เผื่อได้มา ก็คงจะดี อันที่จริงอยากอยู่หอนอก เพราะอยากอยู่ห้องคนเดียว ทำอะไรอิสระมาก แต่ด้วยความเป็นห่วงของแม่ เลยอยากให้พักที่หอใน จะเลือกอยู่ที่บ้านก็ไม่ได้ มันไม่ใกล้เลยถ้าใช้มอเตอร์ไซร์ขับมาบ้านเรา มันหนาวแล้วก็ไกล แต่ทุกทีที่ฉันกลับมาได้เพราะใจถึงพอ หนาวหน่อยทนเอาก็คิดถึงคนทางบ้านนี่ เป็นตายไม่ว่ากัน ธรรมดาของชีวิตที่ต้องดิ้นรนหาหนทางเจอครอบครัว อยู่ใกล้อ้อมอกแม่ อะหยังๆมันก่อม่วนใจไปหมด...

...ฉันพักอยู่หอเอฟห้า ม.แม่ฟ้าฯใกล้บ้าน อาจเคยพูดไปแล้ว แต่อยากระบายถึงความชุลมุนในหอ เอฟห้าเป็นหอในสำหรับนศ.หญิงที่พิเศษสุด ตรงไหนรู้ไหม? ห้องนอนกว้างๆป้ายามใจดี รอยยิ้มของเพื่อนๆ ความรักใต้หอ เครื่องซักผ้าเรียงราย ที่วุ่นวายก็คือเสียง เสียงดังมาก นศ.นอนดึกทุกคน อันนี้ไม่ว่าฉันก็นอนดึก แต่ว่าเสียงเอะอะกันนี่สิ ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย บางคืนก็กรี๊ด ทำเราใจคว่ำไปด้วย บางคืนก็จานแตก ถังน้ำชำรุด ห้องน้ำเต็ม สารพัดปัญหา เด็กนศ.เข้าๆออกๆ ผู้ปกครองหอก็เลยต้องดุหน่อย พิเศษตรงนี้แหละ ฉันไม่เคยว่าผู้ปกครองหอพักเลย เขาก็ทำตามหน้าที่ถูกต้อง มันเกินเลยที่จะใจดีจริงๆ บางทีใกล้สอบตีสามตี่สี่ ไม่หลับไม่นอน แถมยังเปิดเพลงด้วย โลกศิลปินจริงๆ นี่แหละหนาชีวิตหอใน ประสบการณ์ มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่เพื่อนรูมเมทชอบบอกฉันว่า "มิ้นทนอยู่ได้ยังไง หอเสียงดังมาก" เพื่อนก็อยู่เชียงรายสองคน ก็พากันกลับบ้าน อีกคนจากใต้ บางครั้งไปนอนหอเอฟสอง เราตอบเพืื่อนว่า"เราจะพยายาม..แค่นั้น" แต่บางครั้งมันสุดความพยายามนะ เราก็ต้องกลับบ้าน ทั้งๆที่มีเรียนแต่เช้าเชียว แต่ก็จะให้ทำไง นอนไม่ได้เลย ถึงได้บอกว่าม่วนใจ๋แต๊ๆปิ๊กบ้านหองตั๋วเก่า (สุขใจจริงๆกลับบ้านของตัวเอง)

...วกกลับมาถึงประเด็น ปี๋ใหม่ที่ว่านี้ ตะก่อน(แต่เดิม)ไทยเราไม่ได้ถือ วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี เป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่ไทยเราถือเอาวันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ แต่ภายหลังก็ให้ถือเอาวันที่ 1 เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่ หลังจากนั้นยุคต่อมาในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่นี้ เป็นวันที่ 1 มกราคม ของทุกปีตามหลักสากลนิยม จนมาถึงปัจจุบัน

...ปี๋ใหม่แล้ว ดูแลสุขภาพตวยเน้อเจ้า ปี๋เก่าป๊นไปแล้ว ปีใหม่แก้วก่อมาแตน ม่วนใจ๋ขึ้นปี๋ใหม่ ๒๕๕๓เจ้า...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น