07 มิถุนายน 2553

มันดูเงียบเหงานะ

วันนี้เปิดเรียนวันแรก ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อไปเรียนแปดโมง รู้สึกเดิมๆแต่เรียนที่ตึกใหม่ นึกว่าจะแพ้กลิ่นสีทาผนัง แต่กลับอากาศภายในห้องก็โอเค อาจารย์ผู้สอนก็ใจดี แต่ท่านมาสอนแทนอาจารย์ประจำตอนเรียนอีกท่านหนึ่ง ที่ลาพักอยู่สามอาทิตย์ แถมยังได้เพื่อนหนึ่งคน เพราะฉันลงเรียนไม่เหมือนคนอื่นเขาส่วนใหญ่เป็นเด็กสน.วิทย์ แต่ฉันนิติคนเดียว ยังพอมีเพื่อนร่วมสาขาด้วยกันหนึ่งคน ชื่อกิ๊ฟท์ จากลักษณะท่าทางนิสัยของเธอแล้วเป็นคนจริงจังกับเรื่องการเรียน มีผลการเรียนดี พูดตรงไปตรงมา ก็แน่ล่ะคนเก่งๆมักมาจูนหากัน (ไม่ค่อยเข้าข้างตัวเองเลย) แต่ฉันยังด้อยกว่าอีกเพราะขี้เกียจอ่านหนังสือนี่เอง ฉันกะลงเรียนให้มันเต็มๆต่อวัน เพราะต้องการจัดตารางว่างให้กับตัวเองบ้าง นับวันรู้สึกตัวเองแก่ลง รุ่นเดียวกันยังเรียกว่าพี่ไปได้(หน้าฉันแก่หรือไงเนี่ย) ช่วงนี้ก็หน้าฝนแล้ว อยากได้น้องหมาคืนจังแต่คงไม่มีทางอีกแล้ว T_T พ่อโทรมาจากต่างจังหวัดว่าไม่ให้เลี้ยงสุนัขอีกแล้ว เพราะกลัวจะไม่มีเวลาดูแลและก็สัตว์จะนำพาเชื้อโรค แต่คนหัวดื้อ ฉันก็ยังแอบย่องไปดูเจ้าน้องหมาที่ถูกกักขังอยู่ในกรง น่ารักจัง แต่มันเป็นสุนัขพันธุ์โต แถมถ้าจะซื้อ ก็ช่างราคาแพงเหลือเกิ๊น....
ต่อด้วยตอนเย็นของวันนี้ ก็มีเรียนกฎหมายอีก ท่านอาจารย์ที่สอนก็คืออธิบดีสำนักวิชานิติศาสตร์ เราเอง ได้ยินว่าท่านสอนสนุกมาก แต่เรื่องให้เกรดคงไม่สู้แน่ ฉันคงเป็นโรคเบื่อสถานที่ ไม่ก็เป็นพวกอุ้ดอู้จมปลักในสิ่งเก่าๆ เลยไม่มีอะไรทำให้ตื่นเต้นเลย คงจะดีนะถ้ามีใครสักคนพาเราเที่ยวในที่ๆเราอยากไป (ทะเล ทิวเขา แหล่งอารยธรรม และน้ำตก)ฉันเข้าใจความรู้สึกนี้ดีของเด็กที่พ่อแม่ไม่ได้พาไปเที่ยว ไม่ไปเป็นครอบครัว พ่อและแม่ไม่มีเวลาให้กับเรื่องนี้เลย เข้าใจดีว่ามันรู้สึกเป็นอย่างไร แต่ฉันกลับมองเห็นว่าเด็กเหล่านี้เป็นคนที่เงียบขรึมและดูเรียบร้อย เด็กพูดจาไม่มาก ชอบอยู่เดี่ยวๆ เพื่อนฝูงไม่มากแต่จะกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยพบเจอ และจะคุ้นเคยกับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าปลอดภัย ในขณะที่เด็กอีกพวกหนึ่งได้รับการเลี้ยงดูแบบมีชีวิตชีวา ครอบครัวชอบเที่ยว ทัวร์ สังสรรค์ ไปในที่ต่างๆ ข้อดีที่เห็นได้ชัด คือ เป็นเด็กช่างพูด เพื่อนฝูงเยอะที่สำคัญก็เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ไม่ใช่เป็นเฉพาะๆครอบครัวในการพิจารณาว่าพาไปเที่ยวอะไรหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูจากผู้ใหญ่ว่าเลี้ยงดูมาอย่างไร คนไหนถูกเลี้ยงมาแบบใด บางคน พี่ถูกเลี้ยงเอาแต่ใจ แต่น้องกลับต้องอยู่ในระเบียบ บางทีผู้ใหญ่อาจเห็นว่าการอบรมสั่งสอนให้เข้ากับบุคคล อาจเป็นการขัดเกลาเด็กให้เข้ากับบุคลิกที่เป็น เพราะนิสัยอย่างหนึ่งของคนเกิดขึ้นมาแต่ตัว ความรู้สึกนึกคิด ความรับผิดชอบชั่วดี นั่นเป็นอย่างหนึ่งที่ฉันพบเห็นมา และกล้าพูดได้ว่า ฉันยอมอยู่ในสภาพแบบนี้ดีกว่าเป็นเด็กชอบเที่ยวสังสรรค์ ด้วยปกติไม่ค่อยพูด (พูดมากกับคนรู้จัก)และบุคลิกที่เงียบขรึม แต่ก็มีข้อด้อยคือโลกทัศน์จะแคบลง เพราะไม่ได้เปิดโลกกว้าง ไม่รู้จักที่ต่างๆและเข้ากับคนอื่นได้ยาก ในเมื่อโตแล้ว ฉันคาดว่าเมื่อเรียนจบมีงานทำก็จะทำตามฝันอย่างหนึ่งคือทำงานเก็บตังค์ไปผ่อนคลายในสถานที่ๆอยากไปสักที่หนึ่ง จะรอวันนั้น(วันนั้นคงมาละนะ คงนานด้วย)....
นี่คงเป็นปีที่ฉันอายุปาเข้าไปยี่สิบแล้วล่ะสินะ บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย แต่นิสัยก็ยังไม่ทิ้งคราบความเป็นเด็ก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างฉันก็ยังตามใจพ่อและแม่อยู่ดี ฉันไม่ค่อยขัดใจท่าน เพราะฉันคิดว่าฉันมีแค่นั้น เพราะครอบครัวเราเป็นครอบครัวเล็กๆ พ่อ แม่ ฉันและน้อง ไม่อยากให้ความสมบูรณ์เลือนหาย และสิ่งที่ท่านสอน แนะนำ ก็เป็นสิ่งที่ดี พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูกตัวเอง (ใช่ไหม?ทุกคนหรือเปล่า?) และฝากถึงคนที่พ่อแม่ได้ลาจากไปแล้ว ท่านจงพึงนึกเสมอว่า พ่อแม่สร้างเรามาเพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่สวยงาม ดำรงตนให้เป็นคนดี ช่วยเหลือตัวเองและสังคม พ่อแม่อาจหวังพึ่งพาเจ้า แต่เราไม่อาจตอบแทนคุณได้ ก็จงทำดีอย่างนี้ตลอดไป หากวันใดที่รู้สึกท้อแท้ให้นึกถึงความเป็นแม่และพ่อ มันจะเป็นพลังที่เข้มแข็งให้กลับท่าน ไม่ว่าหนทางนั้นจะมืดมนหรือมีอุปสรรคกั้นขวางสักเพียงใด ก็จงเดินไปให้เห็นทางสว่าง แล้วท่านก็จะประสบความสุขในชีวิตและพบความบูรณ์ของการเกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่ว่าดีอย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น