12 พฤศจิกายน 2552

คนธรรมดาเหมือนกัน why?ทำไม?บางคนไม่ธรรมดา

ไม่ธรรมดาในที่นี้หมายความได้หลายอย่าง เก่ง ดี มี สุข ทุกข์ จน ชั่วฯ
เคยสงสัยบ้างไหม?
ว่าทำไม?คนเราถึงเกิดมาแล้วไม่เหมือนกัน(ไม่เท่าเทียม)

บางคนทำไมต้องทนทุกข์ทรมาน บางคนทำไมถึงมีความสุข
บางคนทำไมรวย ทำไมบางคนเก่ง
บางคนทำไมมีอวัยวะครบ แต่ทำไมบางคนต้องสูญเสียอวัยวะไป
บางคนทำไมถึงทำดี ทำไมบางคนทำชั่ว....

ฯลฯ

หลายคำถามเป็นคำถามที่ยากต่อการตอบเหลือเกิน
แต่การที่คนเราเกิดมาไม่เท่าเทียมในบางสิ่งนั้น ไม่เป็นปัญหาอันใดเลย
หากแต่ว่าคนผู้นั้นรู้จักการขวนขวาย เสาะแสวงหา สิ่งต่างๆให้ได้มาซึ่งความสงบสุข
บางคนพิการแต่สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง และก็มากกว่าคนที่ไม่พิการเสียด้วยซ้ำไป
ฉันก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบถามตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมเราไม่ได้แบบนั้น ไม่เป็นแบบเขา ไม่สามารถทำได้อย่างนั้น ตอนนี้ฉันสามารถตอบตัวเองได้แล้วว่าเพราะอะไร

ฉันขาดความอดทน ขาดความคิดไตร่ตรอง ขาดความหมั่นความเพียร

และที่ขาดที่สุดคือแรงบันดาลใจ


The first....


มีอยู่ครั้งหนึ่ง ได้เดินทางไปแม่สายกับพ่อ
ขณะที่เดินดูของอยู่นั้น ก็มีเด็กพม่าตัวเล็กๆ
เข้ามาดึงชายเสื้อฉัน เด็กคนนั้นไม่ได้ใส่รองเท้า ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ผิวพรรณดูไม่ได้เลย
พร้อมสายตาคู่หนึ่งที่เงยขึ้นมามองหน้าฉัน แล้วพูดว่า "พี่คับๆขอตังค์หน่อยคับ ผมไม่ได้กินข้าวเลย" น้ำเสียงแหบๆเหมือนจะร้องไห้ ถึงเขาจะพูดไม่ชัด แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูด ฉันก็เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ครู่หนึ่งแม่บอกว่า "อย่าไปสนใจลูก" พร้อมจูงมือฉันเดินอย่างรวดเร็ว ขณะที่แม่ดึงแขนฉันเดินไป สายตาฉันไม่ได้คลาดเคลื่อนไปจากเด็กคนนั้นเลย ทำไมใจฉันตอนนั้นแทบจะสลด ฉันตกใจพร้อมทั้งสงสาร และเสียใจที่แม่ทำแบบนี้ ขณะที่เดินห่าง เด็กคนนั้นก็ไปขอผู้อื่นอีก แต่เมื่อสังเกตแล้ว ถ้ามีคนให้ เขาก็จะเอาไปให้แม่เขา ที่นั่งรออยู่ตรงนั้น ซึ้งเธอก็ไม่ได้พิการแต่อย่างใด ฉันกำลังดูว่าแม่เขาจะให้ตังค์เขาไหม จะให้อะไรแก่ลูกตัวเองหรือปล่าว ช่างเป็นภาพที่แสดงถึงความกตัญญูของลูกที่มีต่อบุพการี ฉันทึ่งและอึ้งมาก เพราะทุกทีภาพเหล่านี้ฉันดูแต่ละคร วิดีโอ หรือไม่ก็อ่านนิตยสาร มาวันนี้เจอกับตัวเอง...อนิจจัง
ทำไมเล่า ถึงเป็นอย่างนี้ ฉันอายุมากกว่าเขา มีแรงมากกว่า มีสติปัญญามากกว่า มีโอกาสมากกว่า ฉันยังไม่มีปัญญาที่จะหาเวลาตอบแทนคุณพ่อแม่ได้แบบนั้นเลย ฉันยังถามในใจ หากฉันเป็นเด็กคนนั้นฉันจะทำได้หรือเปล่า? มันช่างเหนื่อยใจจริง?
แต่เราเป็นลูกของพ่อและแม่ พ่อแม่คือผู้มีพระคุณต่อเรา ไม่ว่าจะกี่ชาติเราก็ตอบแทนพระคุณไม่หมด เพราะหาสิ่งอื่นใดมาเทียบพระคุณของท่านไม่ได้เลย ยากแก่การสรรหาคำที่จะนำมาเปรียบเทียบ...

the second...

ครั้งนี้มีโอกาสได้ไปงานวันเกิดของเพื่อน ปกติฉันเป็นคนไม่ชอบเที่ยว ไม่ชอบสังสรรค์ เฮฮาปาร์ตี้ที่ไหน ขลุกอยู่ที่บ้าน ซึ่งหาตัวฉันได้ง่ายมาก ตอนนี้มาเรียน ก็อยู่แต่ในหอ ไปเรียนแล้วก็กลับหอ มหาลัยยังเดินไม่หมดเลย ไม่รู้ที่ไหนเป็นที่ไหน พอวันไหนไม่มีเรียน ก็หาเวลากลับบ้านบ้าง แม้เรียนใกล้บ้าน แล้วยังจะคิดถึงบ้านอยู่ นี่ถ้าไกลกว่านี้ ไม่รู้จะคิดถึงเป็นกี่เท่า วกกลับมาถึงประเด็นที่ว่าไปงานวันเกิดเพื่อน ชื่อเจียม (รู้สึกกิจกรรมกับคนนี้เยอะจัง เพราะมีคนคบแค่นี้ ฮ่าๆ ปล่าวหรอก เพื่อนสนิทจะ)เธอเกิดวันที่ 19 มีนาคม ปีเกิดไม่อาจกล่าวเพราะ อายุเป็นเพียงตัวเลข เหตุผลฟังไม่ขึ้นเลย กลัวเพื่อนมาอ่านแล้วจะว่าเอาได้ ในงานวันเกิดเพื่อนก็วางโครงการที่จะไปบริจาคสิ่งของและเสื้อผ้าให้กับเด็กที่ด้อยโอกาส ที่หมู่บ้านนานา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไอ้ฉันก็จำเบลอๆว่าเป็นอำเภอไหนกันแน่ ไปหลายที่เหลือเกิน ฉันด้วยภาระผูกพันและจำยอม เอ้ยไม่ใช่ ฉันด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกันก็ติดรถไปด้วย พร้อมเสื้อผ้าบริจาคที่เตรียมไว้ พอไปถึงจุดหมายปลายทาง ด้วยถนนหนทางอันยาวไกล ทางแคบๆเข้าไปยังสถานที่นั้น บรรยากาศที่แสดงถึงความทุรกันดาร ฝุ่นที่คละคลุ้งริมถนน แวดล้อมไปด้วยทุ่งนา ทุ่งหญ้า และบ่อน้ำ เมื่อรถแล่นเข้าไปยังที่นั้น ภาพที่ฉันถึงกับใจหายคือ เด็กๆที่นั่นวิ่งมารุมเชียว พร้อมกับที่ร่างกายยืนเขย่งเท้าสายตามองไปยังท้ายกระบะรถประมาณว่า วันนี้มาแจกอะไรเรา เอาอะไรมาให้เราบ้าง เด็กๆทำท่าทางตื่นเต้นมาก เด็กส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชาย ฉันนึกในใจฉันน่าจะติดป้ายขอรับบริจาคที่โรงเรียนเพราะว่าเสื้อผ้าที่ฉันนำมามันเป็นเสื้อผ้าผู้หญิง ไม่นึกว่าจำนวนเด็กชายจะมากกว่า หนังสือก็ไม่ได้หอบมาให้ พอนึกได้มันก็ช้าไปแล้ว เด็กต้องการปัจจัยหลายอย่างมาก โดยเฉพาะอุปกรณ์การเรียนการสอน ภาพตอนเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านเอกสารฉบับหนึ่งเก่าๆ ที่ขาดวิ่น แม้เพียงกระดาษที่บางอันข้อความอาจไม่ให้ความรู้มากนัก เด็กก็ยังหยิบมาท่องอ่าน ภาพต้อนนั้นติดตามาก พอเสร็จจากการบริจาคของเรียบร้อย ก็เดินชมไปทั่วๆโรงเรียนบ้านนานา สังเกตเห็นแปลงผักรูปหัวใจ เด็กๆคงต้องการความรักความอบอ่นมาก พี่ๆที่ดูแลเด็กที่นั่นพูดขึ้นบอกฉันว่า หัวใจแสดงถึงความรักของเด็กๆความหวังของเด็กๆค่ะ มันทำให้ฉันเก็บเอาไว้ในใจเรื่อยมา จากนั้นลุงขอเจียม ท่านเคยเป็นครูแต่เกษียณอายุแล้ว ท่านชื่อลุงแดงแต่ท่านใจดีมาก โดยเฉพาะกับฉัน ก็แน่นอนเพราะฉันไม่เคยสร้างปัญหา (ชมตัวเองไปละ)ลุงก็ควักตังค์ในกระเป๋าพร้อมกวักเรียกรถขายไอติม เพื่อซื้อไอติมเลี้ยงแก่เด็กๆคนขายไอติมยังใจดี แถมฟรีให้บ้างและไม่คิดตังค์มาก ช่างใจบุญนักขออนุโมทนา ฉันก็ช่วยเจียมแจกไอติมให้เด็ก ราวกับดาราว่างั้น มันแปลกดีเพราะฉันไม่เคยทำกิจกรรมที่มันจริงจังอะไรอย่างนี้ ตอนแจกไอติม ก็มีภาพยื้อแย่งไอติมกันบ้างตามภาษาเด็กๆเด็กโตก็จะแย่งเด็กเล็ก บ้างก็มาเอาหลายๆรอบ เพราะเรายังไม่จำกัด แต่เงื่อนไขคือให้คนที่ยังไม่ได้ก่อนนะ พอเสร็จภารกิจวันนี้ ก็กลับบ้านฉันบอกกับตัวเองว่าหากมีโอกาสอีกครั้ง ฉันก็จะไปที่นั่นอีก ฉันไม่หวังเพียงเพื่อทำบุญ แต่ฉันหวังที่จะแบ่งปันความรู้ ความสุขและความอบอุ่นแก่เด็กๆ ความจริงฉันอยากเป็นครูมาก(ดันมาเรียนนิติศาสตร์เฉย แต่ก็ไม่เป็นไรเป็นครูกฎหมายน่ะแหละดีแล้ว จะได้ใช้เหตุผลมากกว่านี้) นี่เป็นประเด็นหนึ่งตอนสมัยเรียนเพื่อนฉันบางคนจะเรียกว่าครูมิ้น ฉันชอบถ่ายทอดความรู้ ไม่ใช่โอ้อวด ฉันจะคอยสอนพร้อมสอดแทรกคุณธรรมไปในใจบุคคลเหล่านั้น ฉันเคยสอนหนังสือเด็กๆที่บ้านฉัน โดยไม่คิดถึงค่าเล่าเรียน ในอนาคตหากเป็นไปได้ เมื่อฉันทำงานรับใช้ชาติ แล้ว ตอบแทนพระคุณพ่อแม่แล้ว ฉันก็พร้อมที่จะเป็นแม่พิมพ์ให้กับเด็กที่ขาดโอกาสในการศึกษา เพราะฉันถือว่า การศึกษาคือฐานสำคัญ แต่ใช่ว่าคนเรามีการศึกษาสูง จะวัดสามารถคุณภาพชีวิตได้ ก็ต้องวัดที่จิตใจด้วย เรียนสูงใช่ว่าคุณธรรมในใจจะสูงไปด้วย เรียนสูงและไม่ใฝสูงจนเกินศักดิ์ แต่เราสามารถมีความรู้ที่สูงกว่านี้ได้ไปพร้อมๆกับการให้โอกาสในชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

"คนเราทุกคนถึงแม้เกิดมาอะไรๆอาจไม่เท่าเทียม แต่สิ่งที่ทุกคนมีเท่าเทียมกันคือสิทธิ และเสรีภาพ"

คนเราทุกคนอาศัยเกื้อกูลกัน นี่เป็นเพียงบทความจากคนๆหนึ่งไม่ค่อยพูด(พูดมากบางเวลากับคนรู้จักดี) บุคคลที่ไม่ค่อยมีใครจะรู้จักมากนัก ไม่ค่อยกล้าแสดงออก (จะกล้ามากถ้ามีใครสักคนดลใจ)แต่ก็อยากให้ทุกคนได้รับรู้ถึงสิ่งเล็กๆที่ใครบางคนไม่เคยมีประสบการณ์ บางทีการเรียนในห้องเรียนอาจไม่สามารถทำให้เรารู้ได้ทุกสิ่ง หากแต่เราได้มีความรู้ภายนอกด้วยแล้วนั้น ยิ่งทำให้เราสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ถึงฉันจะไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเด็กทุกคนบนโลกได้ ไม่สามารถบอกแก่ทุกคนถึงเรื่องต่างๆได้ แต่มันก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะฉุกคิด เมื่อคนหนึ่งช่วยคนหนึ่งก็ถือว่าได้ช่วยแล้ว คนเราต้องเกื้อหนุนกันต่อไป...


จงรักเพื่อนมนุษย์บนโลกเหมือนเป็นญาติของเรา คนเราควรมีเมตตาต่อกัน คนเราควรร่วมมือ และยอมรับสถานะและสภาพของกันและกัน บนเงื่อนไขทางธรรมที่ว่า ความสุขของคนเกิดจากจิตใจที่สะอาดผ่านการชำระมาแล้ว ...


บทความโดย ภุมริน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น