24 พฤศจิกายน 2552

บทความ ท้อและเหนื่อยใจแค่ไหนก็จะทน


23/11/2552 วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อโทรหาแม่ว่า แม่อยู่บ้านไหมวันนี้ เพราะฉันกะจะกลับบ้านเพื่อไปเอาเสื้อกันหนาวที่บ้าน อากาศหนาวเย็นมาก ...

ฉันรีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้า พร้อมที่จะไปเรียนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ และหนำซ้ำยังโทรไปปลุกเพื่อนให้ตื่นอีก เพราะอาทิตย์ที่แล้วเพื่อนขาดเรียน ฉันเลยนั่งเรียนแบบหงอยเหงาเลยทีเดียว เห้อ.. แต่วันนี้พลาดไม่ได้เลยโทรไป พอโทรไปเพื่อนยังไม่ตื่นเลย สงสารเพื่อนมาก เพราะเค้าไปแข่งบาสที่เชียงใหม่เพิ่งกลับ เพื่อนที่ว่าก็ชื่อเหวินคนเดิมที่เคยได้กล่าวไว้ หากใครเคยอ่าน narrate note ของฉันคราวก่อนๆ เหวินเป็นคนดี คนดีย่อมคบคนดี (เข้าข้างตัวเองเหลือเกิน) และก็ตั้งใจเรียน ช่างคิดและซักถาม มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยมีเลย ความมั่นใจในตัวเองของฉันลดลง เมื่อกระเบื้องบนหน้ามันได้แตกไปหมดแล้ว หลังจากที่อุดอู้อยู่แต่ในห้องและจมอยู่กับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ อันที่จริงแล้วก็อยากออกไปข้างนอกบ้าง ไปเปิดหูเปิดตา แต่ก็คงไม่มีใครที่เวลาจะว่างพอดีกันเป๊ะทุกครั้ง แม้แต่เพื่อนร่วมห้อง ก็ไม่มีเวลาเพราะเรียนต่างสาขาอีก หนักใจจริง ทุกครั้งฉันก็ต้องจัดการภารกิจข้างนอกกับตัวเอง ไปไหนไกลๆอันที่จริงมันก็กลัวอยู่นะ กลัวใจคนเรา ในสังคมเดียวนี้ไว้ใจใครไม่ได้เลย มันมืดมนไปหมด แต่ด้วยหน้าที่และวาระจำเป็น(รึจำยอม)ก็ต้องไปอยู่ดี!

...หลังจากที่เรียนรัฐธรรมนูญเสร็จก็เที่ยงพอดี เพราะเรียนสามชั่วโมง ฉันกับเหวินก็ต้องแยกกันไปทำธุระเพราะเหวินปวดท้องประจำเดือนไม่สบาย ฉันเข้าใจเพราะมันเป็นธรรมชาติของผู้หญิง เหวินยังแข็งแรงกว่าฉันอีก ฉันเจ็บแบบที่จะลุกไปไหนไม่ได้เลย มีคนบอกว่าห้ามทานยาพาราเซตามอลเพื่อแก้ปวดประจำเดือน เพราะอะไรเหตุผลอันนี้ไม่ทราบ แนะนำให้กินยาแก้ปวดท้องประจำเดือนโดยตรงจะดีกว่า แต่ยัยภุมรินตัวดี จะทนได้รึ กับอาการปวดทุรนทุรายแบบนั้น มีหวังไม่ได้เข้าเรียนแน่ อะไรสำคัญกว่าก็ต้องฝืนก่อน ทุกครั้งที่ปวดเลยจัดการทานยาพาราเซตามอลไปสองเม็ด กันอาการกำเริบ เจ็บหนัก เดียวเรียนไม่รู้เรื่อง เสียเวลาปล่าว อีกทั้งทำภารกิจไม่คล่องตัว แม้จะกินยาเข้าไปแล้ว บางทีก็ไม่ยักว่าจะหายนะ มันเจ็บกว่าเดิมเสียอีก อันนี้ต้องปลงและยอมรับสภาพ ต้องไปนอนแล้วล่ะ

....ตอนบ่ายก็ขับรถไปบ้านดู่คนเดียว ไปทำไม? ไปธนาคารอีกละ ดีนะพี่พนักงานคนเดิมนั้นไม่อยู่ ถ้าเห็นหน้าคงแซวว่า น้องคะพี่ว่ามาอยู่นี่เลยไหม มาซะบ่อยจะ ก็ไอ้เรื่องขอ one time password น่ะแหละ หลายคนคงได้ยินมาบ้าง หลายคนไม่รู้เลย คือต้องไปขอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่เรากรอกข้อมูลไว้ตอนเปิดบัญชีใหม่ๆ เพราะหากเราต้องการใช้บริการธนาคารออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต จะทำการโอนเงินทั้งทีก็ต้องมีเจ้าตัวนี้ด้วย เพราะกันความเสียหายได้ดี ฉันเลือกไทยพาณิชย์ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงมานานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้ว ชื่อว่า แบงค์สยามกัมมาจล ในสมัยก่อน เป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย อีกทั้งระบบการจัดการต่างๆทันสมัย รวดเร็วระดับหนึ่ง เหมาะกับคนที่ทำธุรกิจมาก นี้แนะนำส่วนตัว แล้วก็พนักงานใจดีมาก พูดไพเราะโดยส่วนใหญ่ และให้คำปรึกษาที่ดี และที่ชอบสุดๆคือ มีระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลได้ดี เพราะจากที่ฉันมีบัญชีที่เคยเปิดมาอยู่สามสี่ธนาคาร(ปิดไปแล้วก็มี)ก็มีธนาคารนี้แหละที่คุณภาพสุดๆและหากคนที่ชอบออมนัก เพื่ออนาคตไม่ต้องการถอนบ่อย แนะนำธนาคารออมสิน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าออมสิน มีออมหลายประเภท ก็ไปศึกษาข้อมูลละกัน แต่ตอนนี้ที่ดอกเบี้ยมาแรงก็เห็นจะเป็นธนาคารกรุงศรีอยุธยาแล้วก็ธนาคารกสิกรไทยนะคะสำหรับคนที่ชอบฝากอยู่แล้ว

เศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ เรื่องออมเป็นเรื่องสำคัญ ธนาคารไม่ใช่ทางออกโดยตรง เราสามารถออมไว้ที่ใดก็ได้ เช่นกระปุกออมสิน หรือฝากไว้กับพ่อแม่ หรือไว้ในกระเป๋าที่เราเก็บไว้เป็นอย่างดี หรือจะขุดหลุมขุมทรัพย์ อันนี้ก็ไม่ว่ากันนะ

....หลังจากที่ทำเรื่องในธนาคารเสร็จ ฉันก็ขับรถกลับบ้านโดยไม่แวะเวียนที่ไหน(ทั้งที่จริงเป็นนักสังเกตและนักช้อปอยู่แล้ว)แต่รีบกลับเพราะอากาศหนาว กลัวว่ากว่าจะกลับมาถึงมอก็จะมืดค่ำ พอไปถึงบ้านเจ้าโจอี้ สุนัขที่แสนดีและแสนสุขสบายของฉัน เลยก็ว่าได้ มันแค่ทำหน้าที่ต้อนรับทุกคน มันไม่กัดใคร ไม่หวงเจ้าของ หนำซ้ำขี้เกียจสุดๆๆ มันกระดิกหางเมื่อเจอฉัน สงสัยได้กลิ่นมาแต่ไกล พอมาถึงบ้านแม่ก็นอนหลับอยู่ ฉันก็เคาะประตูเรียกแม่ให้มาเปิดประตู และนำกระเป๋าไปเก็บ แล้วก็ไปบ้านยาย ไออุ่นของความหนาว มันทำให้ฉันหวนคิดถึงตากับยายของฉันที่จากไป บรรยากาศในตอนนั้นยังจำได้ดีเลย และฉันก็พูดถึงบ่อย

ทำไมไปบ้านยาย? เพราะไปเอาเสื้อกันหนาวที่เก็บไว้เป็นอย่างดีจากปลายหนาวปีที่แล้วนำมาฮิตใส่ต่ออีก อันที่จริงก็รับมรดกมาจากแม่ สมัยแม่ยังสาว แม่บอกว่า แม่ชอบแต่งตัวมากเป็นคนรักสวยรักงาม ฉันก็พยายามอยู่นะ แต่ไม่ได้ครึ่งเลย เห็นจะเป็นน้องสาวเสียมากกว่าที่ชอบแบบนั้น ว้า...แต่ก็โอเคได้แค่นี้ก็พอใจ หลังจากที่คัดเสื้อกันหนาวสำหรับใส่อุ่นๆแล้วก็กลับบ้านกัน ฉันก็ตระเตรียมข้าวของที่จะกลับมอ ขากลับก็แวะเติมน้ำมันรถ ป้าที่เติมน้ำมันรถก็พูดว่า "ดุขนาดอี่หล้า ขับรถมาตะกี้ ปิ๊กแหมเม๊าะ" แปลว่า "อดทนจังเลยยัยหนู เพิ่งขับกลับมาเมื่อกี้ ก็จะขับกลับอีกละ" ก็คือบ้านฉันมันไกลยังไง แต่ไม่ถึงกับจะ "เอิ่บ"คำที่เคยพูดแล้ว แปลว่า "ทุรกันดาร ไกลปืนเที่ยง" ....

....พอมาถึงมอ ก็เย็นแล้วเลยจัดการซักผ้าที่นำมาทันที รูมเมทดันชวนไปเที่ยวคลองถมบ้านดู่อีก ทั้งที่เพิ่งไปมาไม่กี่ชั่วโมงนี้ ด้วยความที่ใจถึงกับเพื่อน ก็ไปโดยตลอด ทั้งๆที่ขับไปคนเดียวไม่มีผู้ใดซ้อนท้าย ฮือๆเหงาๆ เพื่อนสองคนก็นั่งด้วยกัน แต่อีกคน ดันไปในเมือง แหม ได้เที่ยวในที่ดีๆกว่าเราซะอีก พอไปถึงก็แวะไปส่งเพื่อนที่หอคนรักของเขา เพื่อนก็ไปเอาตังค์ที่คนรักเขาเตรียมไว้ให้ (โอ้ พระเจ้า ผู้ชายอะไรน่ะใจปล้ำเป็นบ้าเลย อิจฉาน่าดู)ก็ทำได้แค่รอ เสร็จแล้วก็ไปช้อปกันให้หนำใจ กะจะไม่ซื้อเสื้อกันหนาวแล้ว อ้าว...พอไปถึง มือดีของฉัน พร้อมสายตาอันเฉียบแหลม ก็คว้าเสื้อมาอีกหนึ่งตัว หมดตังค์ไปอีกวันนะเรา ตัณหาเยอะจริงๆ เพื่อนซื้อเราซื้อ ไม่เห็นเป็นไรเนาะ (เมื่อไหร่ก็พูดงี้) ขากลับเพื่อนก็แวะซื้อเกาเหลาไปทาน แล้วก็แวะเอากับข้าวไปให้คนรักของเขาอีกรอบ แง....ทุกทีเลย เผลอแปบเดียว อ้าว ดันขับรถไวอีก เห้อ.....ซวยจริง หายหัวไปไหนกัน บ่นพึมพำสักครู่หนึ่ง ก็โผล่มาพอดี ดีนะที่เพื่อนเรียก ไม่งั้นจะชิ่งไปทันทีด้วยความเร็วอันไร้ขีดจำกัด เพราะหนาวก็หนาว มืดก็มืด ใจไม่กลัวนะ แต่ๆๆๆก็นะอย่างที่ว่า ภัยสังคมมันเยอะ!

.....บ่นพึมพำ มายาวมากแล้ว ตอนนี้ใคร่ขอตัวไปนอนก่อน พรุ่งนี้เจออีคอน ถึงไม่มีคะแนนเข้าชั้นเรียน ไม่มีคะแนนเก็บ แต่ก็จะพยายามเข้าไปให้กำลังใจอาจารย์คนเก่งแสนสวยแล้วกัน เพราะนศ.ก็น้อยเต็มทน โล่งทุกทีเลย เพราะมันดูยากนะวิชานี้อีกทั้งเรียนเป็นอังกฤษด้วย มีทั้งความจำและคำนวณ สุดแสนจะเอียน แม้นั่งเรียนแช่อยู่นานวิญญาณนักเศรษฐศาสตร์ยังไม่เข้าสิงห์ตัวสักคน บางคนถึงกับเข้าเฝ้าพระอินทร์หลายรอบเลยก็ว่าได้


พอละ จบ!


บทความโดย ภุมริน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น