06 ตุลาคม 2553

ชีวิตคนใหม่ๆ แต่หัวใจเก่าๆ และหนทางเดินที่แสนไกล

.........ไม่มีใครหยุดเวลาได้ โลกยังคงหมุนเวียนไปตามกาลเวลา............มนุษย์ทุกคนต้องสู้เพื่อความอยู่รอด
เป็นระยะเวลานานพอควรที่ฉันไม่ได้มาเล่าเรื่องตัวเอง ในที่ระบายดีๆแบบนี้ blogger
แม้บางทีเรื่องของเรา มันไม่ได้ยิ่งใหญ่สำคัญสำหรับใครใดๆในโลก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอยากเล่า ก็คือความอึดอัดใจพอได้ระบายแล้วก็รู้สึกโล่งใจ

........ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาสอบปลายภาคของภาคการเรียนที่หนึ่งในชั้นปีที่สอง สำหรับการเรียนในระดับ
มหาวิทยาลัยของฉัน ปกติฉันเป็นคนที่กระตือรือร้นมาก แต่เนื่องด้วยความยากของแขนงวิชา บวกด้วยมาตรฐานการวัดผลความรู้ที่ไม่อาจวัดได้จริงก็เป็นได้ มันทำให้ฉันอ่อนแอลง ที่ว่า "คนเราจะดีได้ถ้ามีการศึกษา" มันแท้จริงหรือ? มันก็อาจเป็นส่วนหนึ่งแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนเราก็ต้องมีคุณธรรมในใจด้วยบ้าง ยิ่งการเรียนในระดับนี้ เราก็อาจจะพบกับคนมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะเพื่อนที่ต่างที่ต่างทาง ต่างนิสัยและมุมมอง ทั้งแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น หวงกันความรู้ตน ถ้าเป็นคนอย่างเราๆที่ไม่เคยเจอคนที่นิสัยแปลกๆเราก็จะรู้สึกแย่ลงไปตามๆกัน การเรียนในมหาลัยเป็นอีกช่วงหนึ่งของชีวิต เพราะใครๆในยุคนี้ก็แข่งขันกันอยากเรียน บางคนแม้ไม่มีเงินพอที่จะเข้าไปศึกษาในมหาวิทยาลัยดังๆและที่ค่าใช้จ่ายสูงๆ เขาก็ยังดิ้นรนเพื่อจะให้ได้มาซึ่งการเรียน ฉันเลยกลับไปทบทวนว่า แล้วทำไมตัวฉันกลับไม่ทำให้มันดี เพราะอะไร? เพราะเกียจคร้านในการแสวงหาความรู้ทำให้ค่าในตัวเรามันน้อยลงทุกทีๆและกับนิสัยที่ไม่เคยบริหารเวลาด้วย
....เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองมากๆที่เป็นคนแบบนี้ เพราะเวลาเราเทียบกับใครเราช่างดูไม่สง่าผ่าเผย อันไม่อาจจะชูหน้าชูตาได้อย่างเต็มที่ อาจเป็นเพราะเรามีความรู้หรือฐานะเรามันไม่ดีพอหรือ?มันเลยทำให้เราเจอแต่คนที่ดูถูกเรา บางทีก็เก็บเอาไปคิด ว่าเรามีข้อเสียหรือ? แต่ก็ลวงใจตัวเองว่า ไม่มีตลอด ...และก็เพิ่งพบแล้ว ว่าตอนนี้ข้อเสียของเราคืออะไร คือการไม่เอาใจใส่ในการเรียน เพราะมัวหลงระเริงในเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ความสุขแค่เพียงชั่วคราวนั้น กว่าจะรู้ก็สายไปมันไม่ต่างจากพวกยึดถือวัตถุนิยมจนบ้าคลั่ง ลืมพื้นเพตัวเองไป เป็นเหตุทำให้ฉันไม่สามารถทำข้อสอบได้อย่างฉลุย ทั้งที่ผ่านมาแล้วนั้น ก็ทำได้ดีมาตลอด และมันก็หมดเวลาจะให้ฉันแก้ตัวแล้ว เพราะเวลามันหมุนไป ย้อนไปมิได้เสียเลย

.....ฉันก็กำลังเพิ่งสัญญากับตัวเอง เมื่อผลมันออกมาเป็นแบบนี้ ว่าต่อจากนี้เราไม่ควรทำพฤติกรรมเหลวไหลแบบนี้แล้ว มันจะทำให้เราแย่ลง ฉันไม่ชอบพูดปลอบใจหรือให้กำลังใจตัวเอง กลับจะตอกย้ำตัวเองอยู่ร่ำไป ว่า คนอย่างฉันมันก็แค่นี้แหละ ฉันไม่เคยใฝ่สูงให้เกินศักดิ์ของตน ไม่เคยจะหวังสูง แต่หวังปานกลางๆ ไม่น้อยไปหรือมากไป มันจะทำได้ดีกว่า และไม่เสียใจในสิ่งที่ตามมา แต่ช่วงหลังๆฉันกลับคิดว่าฉันไม่เอาไหนและไม่มีข้อดีเลย ไม่พอแก่การจะให้ใครสักคนมาสนใจ แต่ที่จริง คนเราทุกคนมีดีอยู่ในตัว ฉันควรจะคิดในมุมมองใหม่ ว่าเราควรใช้พยายามให้มากขึ้นและสำหรับการเรียนในภาคการศึกษาหน้า เราต้องให้โอกาสตัวเองอีกสักที แม้ผลที่ออกมามันอาจจะไม่ที่สุด แต่ก็เราทำดีที่สุดก็พอใจ
....ทุกวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา ฉันเข้าใจในเนื้อหาอย่างดี แต่ทว่าแปลกมาก ฉันเป็นคนวู่วามสะเพร่าทำให้เวลาตอบข้อสอบมันไม่เด็ดขาดและลังเลในคำตอบ เพราะเราอาจจะขาดความแม่นยำ ซึ่งมันจำเป็นมากสำหรับนักศึกษากฎหมาย เลยทำให้เราพลาดไป
ชีวิตคนเราในตอนนี้อะไรๆมันก็ไม่สำคัญเท่ากับการเรียนรู้อีกต่อไปแล้วทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน เมื่อมาตรฐานคนเราวางหลักเกณฑ์ของชีวิตคนเราว่าต้องมีการศึกษา อีกทั้งก็ไม่ได้เน้นความสามารถในการใช้ชีวิตหรือวัดค่าความสุขในชีวิตคนเรา ทำให้ถือกันว่า ถ้าไร้การศึกษาเปรียบดังไร้ค่าแห่งความเป็นคน ดังนั้นหากเรายังเป็นแบบนี้คนอื่นเขาก็คงไม่คิดจะมามองมาคบคนอย่างเรา ใช่ไหม?หรือไมใช่?

....ตอนนี้ที่เป็นอยู่ ก็พักใจชั่วคราว และต้องทำใจกับเรื่องราวแสนเหนื่อยล้าอันได้ผ่านพ้นไปแล้ว เชื่อว่าหน้าหนาวปีนี้ มันคงไม่ทำให้ฉันหนาวใจไปด้วยหรอกมั้ง ฉันต้องพยุงใจตัวเองให้ถึงฝั่งฝันให้จงได้ เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้ใช้ชีวิตแบบปล่อยปะละเลยมาก แม้พ่อแม่เราจะมิได้กังวลเรื่องการเรียนเรา แต่เราก็อยากทำให้มันดีขึ้น มิใช่แย่ลง ให้ท่านภูมิใจว่า หน้าที่ของลูกที่ทำอยู่ ลูกได้ทำมันได้ดี

....สุดท้ายนี้ ก็คงไม่มีอะไรจะกล่าวสรุปเป็นคำพูดคมๆที่ดีได้ แต่มีแค่คำว่า "มิ้นรักพ่อแม่และน้องมากๆนะคะ"
ในวันนั้นมิ้นจะเรียนให้จบและจะเป็นคนแรกที่รับปริญญาตรีในสาขานิติศาสตร์ มิ้นจะทำตามฝัน แม้ในวันนั้นเราอาจจะไม่ได้ดั่งฝัน ไม่ได้สูงส่ง แต่มิ้นพอใจและเต็มใจที่ได้ทำมัน และพอใจกับผลที่มันออกมา

บทความโดย ภุมริน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น